ทุกปี เรื่องราวเดิมๆ ก็เกิดขึ้นซ้ำๆ กัน ห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยของขวัญ กระดาษห่อของขวัญปลิวว่อนไปทั่ว และของเล่นใหม่เอี่ยม... จู่ๆ ก็ถูกทิ้งร้างก่อนค่ำ หากคุณเบื่อหน่ายกับความบ้าคลั่งที่ยังคงหลงเหลือความรู้สึกว่างเปล่า "กฎของขวัญ 4 ชิ้น" อาจกลายเป็นประเพณีใหม่ที่คุณโปรดปราน เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และน่ายินดีอย่างน่าประหลาดใจ กฎนี้ช่วยคืนความหมายให้กับต้นคริสต์มาส
กฎ 4 ของขวัญ: แนวคิดที่เรียบง่ายแต่ชาญฉลาด
วิธีการนี้เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรในปี 2016 โดยเสนอให้จำกัดของขวัญไว้เพียงสี่ประเภท โดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คือ ให้น้อยลงแต่ดีขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มอบความสุขโดยไม่บริโภคมากเกินไป แทนที่จะลงโทษหรือลดทอนความวิเศษลง แต่กลับเปิดประตูสู่คริสต์มาสที่สงบสุข เปี่ยมไปด้วยความคิด และเหนือสิ่งอื่นใด คือคริสต์มาสที่แท้จริงยิ่งขึ้น เป็นวิธีเปลี่ยนบรรยากาศการเฉลิมฉลองของคุณโดยไม่สูญเสียประกายแวววาวในดวงตาของคุณ สำหรับเด็กแต่ละคน คุณจะเลือกของขวัญสี่ชิ้นที่ตรงกับความต้องการและความปรารถนาที่หลากหลายของพวกเขา:
1.ของขวัญจากรายการของเธอ
เรื่องนี้ตอบโจทย์ความต้องการทันที เป็นของขวัญที่เลือกจากรายการของขวัญที่อยากได้ ของที่ทุกคนปรารถนา จิตแพทย์เด็ก เบียทริซ คอปเปอร์-รอยเออร์ ย้ำเตือนไว้ว่า "เด็กวัย 3-6 ขวบ จะไม่มีคุณค่าใดๆ เลย" ดังนั้น คุณจึงสามารถตีความรายการของขวัญของพวกเขาใหม่ได้อย่างชาญฉลาด แทนที่จะปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์ทุกประการ
2. ของขวัญที่คนๆ นั้นต้องการจริงๆ
สิ่งของจำเป็น เครื่องมือในชีวิตประจำวัน หรือสิ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นหรือดีขึ้น อาจเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องประดับที่มีประโยชน์ หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่ง ของขวัญประเภทนี้จะทำให้คริสต์มาสเป็นจริงได้โดยไม่ทำให้ความมหัศจรรย์ของคริสต์มาสลดน้อยลง
3. เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่สวมใส่
ไม่ว่าจะสวยงาม สบายตา โดดเด่น หรือเรียบง่าย ก็ไม่สำคัญ ของขวัญชิ้นนี้จะช่วยส่งเสริมการแสดงออกและความสุขจากความรู้สึกดีๆ ในแบบของตัวเอง เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเอง พร้อมของขวัญที่ยั่งยืน
4. หนังสือหรือช่วงเวลาที่จะแบ่งปัน
นี่คือหัวใจสำคัญของกฎนี้: เพื่อมอบประสบการณ์ ช่วงเวลาแห่งความผูกพัน และความทรงจำที่กำลังจะก่อตัว ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่คัดสรรมาอย่างดี การไปเที่ยวสวนสนุก หรือเวิร์กช็อปสร้างสรรค์ ของขวัญชิ้นที่สี่นี้จะทำให้คริสต์มาสมีมิติทางอารมณ์ที่หาที่เปรียบไม่ได้
เหตุใดกฎนี้จึงเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง
เป้าหมายไม่ใช่การปิดกั้นความเอื้อเฟื้อ แต่คือการถ่ายทอดมันออกมา การลดจำนวนของขวัญลงจะทำให้เราเห็นคุณค่าของแต่ละชิ้นมากขึ้น เราหลีกเลี่ยงการสะสมของขวัญที่ไม่จำเป็นและความหงุดหงิดที่มักเกิดขึ้นกับของเล่นที่ถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว เรายังนำความอดทนและบทเรียนสำคัญกลับมาใช้อีกครั้ง นั่นคือ เราไม่สามารถมีทุกอย่างได้ตลอดเวลา และนี่คือวิธีที่เราเรียนรู้ที่จะดื่มด่ำกับชีวิตอีกครั้ง
ดังที่เบียทริซ คอปเปอร์-รอยเออร์ เตือนเราไว้ การกำหนดขอบเขตจะช่วยให้เด็กๆ เติบโต พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจแนวคิดเรื่องการเลือก รู้จักเห็นคุณค่าในสิ่งที่ได้รับโดยไม่รู้สึกกดดันกับความต้องการ และเหนือสิ่งอื่นใด กฎเกณฑ์มีความยืดหยุ่น คุณสามารถปรับให้เข้ากับอารมณ์ อายุ ค่านิยม และพลวัตของครอบครัวได้ ไม่มีอะไรตายตัว ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้
ไม่ใช่แค่สำหรับเด็กเท่านั้น: วิธีการสากล
ตรงกันข้ามกับที่บางคนอาจคิด กฎของขวัญสี่ชิ้นนี้ใช้ได้ผลดี...สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ คู่รัก หรือทั้งครอบครัว ทุกคนสามารถหาของขวัญที่ตรงกับความต้องการของตนเองได้ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ใครบ้างล่ะที่ไม่เคยได้รับของขวัญที่น่าประทับใจแต่ไร้ค่าสิ้นเชิง เสน่ห์ของมันจะหายไปภายในวันที่ 26 ธันวาคม? การนำวิธีนี้มาใช้ก็เหมือนการที่คุณได้วางของขวัญที่มีความหมายไว้ใต้ต้นคริสต์มาส ไม่ใช่กองของขวัญมากมายที่จะถูกทิ้งไว้ให้ผุพัง การบริโภคน้อยลง ขยะน้อยลง แต่ความสุขเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า นั่นคือคริสต์มาสที่ประสานความสุขและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้าด้วยกัน
สรุปสั้นๆ ก็คือ การนำกฎของขวัญสี่ประการมาใช้ หมายถึงการกล้าที่จะหลุดพ้นจากนิสัยชอบตามใจตัวเองมากเกินไป หมายความว่าการเลือกคริสต์มาสที่ของขวัญแต่ละชิ้นบอกเล่าเรื่องราว ให้ความสำคัญกับความใส่ใจมากกว่าความอุดมสมบูรณ์ ด้วยวิธีนี้ คุณจะเปลี่ยนวันที่ 24 ธันวาคมของคุณให้กลายเป็นวันพิเศษได้โดยไม่ต้องเสียสละความมหัศจรรย์ของมัน ต้นคริสต์มาสของคุณอาจไม่เต็มไปด้วยของขวัญอีกต่อไป แต่จะเปล่งประกายด้วยความตั้งใจใหม่
